รวมทุกเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการตรวจหามะเร็งเต้านมและวิธีในการรักษาโรคมะเร็งในปัจจุบัน

มะเร็งเกิดขึ้นเมื่อการควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์ในร่างกายมีความผิดปกติ ทำให้เซลล์แบ่งตัวอย่างรวดเร็วและสร้างเนื้อเยื่อที่เรียกว่าเนื้องอก มีสองประเภทหลักของเนื้องอก ได้แก่ เนื้องอกดี (benign tumors) และเนื้องอกร้าย (malignant tumors) เนื้องอกดีไม่ใช่มะเร็งและโดยทั่วไปไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่เนื้องอกร้ายมีคุณสมบัติที่สามารถแพร่กระจายและทำลายเนื้อเยื่อรอบข้างได้ ทั้งนี้เนื้องอกดี กับเนื้องอกร้ายสามารถเกิดขึ้นได้ทุกจุด อย่างถ้าเนื้อร้ายเกิดขึ้นที่เต้านม มะเร็งเต้านม เกิดขึ้นที่ปอด มะเร็งปอด เกิดขึ้นที่ ลำไส้ใหญ่ มะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น เราจะเรียกมะเร็งตามจุดต่างๆ ตามร่างกายที่มีเนื้อร้ายเกิดขึ้น ซึ่งโรคมะเร็งจะมีหลายระยะหากเป็นในระยะแรกๆ ก็มีโอกาสในการรักษาหายขาดสูง แต่ถ้าเป็นระยะท้ายแล้วโอกาสในการรักษาให้หายนั้นน้อยมาก หรือแทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้ ดังนั้นการป้องกันโรคมะเร็จที่ดีที่สุดคือการไปตรวจสุขภาพอย่างเป็นประจำ สม่ำเสมอ ซึ่งมะเร็งเต้านมถือเป็นโรคมะเร็งที่ผู้หญิงเป็นกันเยอะมาก ดังนั้นเพื่อความไม่ประมาท ผู้หญิงผู้หญิงควรได้รับการตรวจเต้านมโดยแพทย์อย่างน้อยทุก 1 ถึง 3 ปีเมื่ออายุระหว่าง 20 ถึง 39 ปี และทุกปีเมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไป โดยการตรวจมะเร็งเต้านมนั้นสามารถทำได้หลายวิธีดังนี้

วิธีในการตรวจหามะเร็งเต้านม

1.การตรวจหามะเร็งเต้านมด้วยตัวเอง

ผู้หญิงควรตรวจเต้านมด้วยตัวเองเป็นประจำทุกเดือน เพื่อรู้จักลักษณะปกติของเต้านมของตนเองและสังเกตหาความผิดปกติ เช่น การพบก้อนในเต้านม การเปลี่ยนแปลงของผิวหนังหรือหัวนม และการมีของเหลวไหลออกจากหัวนม

2.การตรวจหามะเร็งเต้านมโดยแพทย์

การตรวจโดยแพทย์หรือพยาบาลมืออาชีพ ซึ่งจะตรวจหาก้อนหรือความผิดปกติในเต้านมและบริเวณใต้วงแขน

3.มามโมแกรม (Mammogram)

การถ่ายภาพเอ็กซ์เรย์ของเต้านม เพื่อตรวจหาก้อนหรือความผิดปกติที่อาจไม่รู้สึกได้ด้วยการตรวจด้วยมือ แนะนำให้ผู้หญิงอายุ 40 ปีขึ้นไปทำมามโมแกรมทุก 1-2 ปี

4.อัลตราซาวนด์ของเต้านม (Breast Ultrasound)

ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงในการสร้างภาพของเนื้อเยื่อภายในเต้านม มักใช้ร่วมกับมามโมแกรมเพื่อตรวจสอบก้อนที่พบหรือเพื่อดูรายละเอียดของก้อนเนื้อ

5.การตรวจด้วย MRI (Magnetic Resonance Imaging) ของเต้านม

ใช้สนามแม่เหล็กและคลื่นวิทยุในการสร้างภาพรายละเอียดของเนื้อเยื่อเต้านม มักใช้สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงของมะเร็งเต้านม

6.การตรวจชิ้นเนื้อ (Biopsy)

หากพบก้อนหรือความผิดปกติ แพทย์อาจแนะนำให้ทำการตรวจชิ้นเนื้อเพื่อวินิจฉัย โดยการนำเซลล์หรือเนื้อเยื่อออกมาตรวจสอบใต้กล้องจุลทรรศน์

การรักษามะเร็งเต้านม

การรักษามะเร็งเต้านมมีหลายวิธี และการเลือกวิธีการรักษาขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประเภท ขนาด และระยะของมะเร็ง เช่นเดียวกับสุขภาพโดยรวมและความชอบส่วนบุคคลของผู้ป่วย

การผ่าตัด

การผ่าตัด: มีสองประเภทหลัก ได้แก่

  • การผ่าตัด Lumpectomy หรือการผ่าตัดช่วยรักษาเต้านม ซึ่งเป็นการผ่าตัดเอาเฉพาะก้อนมะเร็งและบริเวณเนื้อเยื่อบางส่วนรอบๆ ก้อนนั้นออกไป
  • การผ่าตัด Mastectomy ซึ่งเป็นการผ่าตัดเอาเต้านมทั้งหมดออก

รังสีบำบัด

ใช้รังสีเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งที่อาจเหลืออยู่หลังจากการผ่าตัด หรือใช้เป็นการรักษาหลักในบางกรณี

เคมีบำบัด

ใช้ยาเคมีเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง อาจใช้ก่อนการผ่าตัดเพื่อลดขนาดของก้อนมะเร็ง หรือหลังการผ่าตัดเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็งที่อาจเหลืออยู่

การใช้ฮอร์โมน

การรักษาด้วยฮอร์โมน สำหรับมะเร็งเต้านมที่ตอบสนองต่อฮอร์โมน เช่น มะเร็งที่มีตัวรับฮอร์โมน estrogen หรือ progesterone การรักษาด้วยฮอร์โมนช่วยป้องกันฮอร์โมนเหล่านี้จากการกระตุ้นการเติบโตของเซลล์มะเร็ง

การรักษาด้วยยา

การรักษาด้วยยาเป้าหมาย ใช้ยาที่ออกแบบมาเพื่อโจมตีเป้าหมายทางโมเลกุลเฉพาะในเซลล์มะเร็ง ยกตัวอย่างเช่น Herceptin (trastuzumab) ซึ่งใช้ในการรักษามะเร็งเต้านมที่มีการแสดงออกของ HER2 สูง

การรักษาด้วยภูมิคุ้มกัน

การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด ใช้ยาที่ช่วยเพิ่มหรือซ่อมแซมความสามารถของระบบภูมิคุ้มกันในการต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง

ปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านม

  • อายุ: การแบ่งเซลล์ของท่อน้ำนมของผู้สูงวัยมักเกิดความผิดปกติได้มากกว่าผู้ที่มีอายุน้อยๆ โอกาสเป็นมะเร็งเต้านมจึงมากกว่า
  • การมี-ไม่มีบุตร: การสร้างน้ำนมของผู้หญิงที่มีบุตรจะทำให้เซลล์เต้านมเจริญเติบโตได้สูงสุด โอกาสการแบ่งตัวผิดปกติจึงมีน้อย ความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งเต้านมจึงน้อยกว่าผู้หญิงที่ไม่เคยมีบุตร
  • ยาคุมกำเนิด: การรับประทานยาคุมกำเนิดติดต่อกันนานเกิน 5 ปี เป็นการเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งเต้านม เพราะการที่ร่างกายมีระดับฮอร์โมนตามธรรมชาติผิดปกติ และมีฮอร์โมนดังกล่าวในอัตราที่สูงติดต่อกันเป็นเวลานาน เป็นเหตุให้มีความเสี่ยงเนื้อเยื่อเต้านมผิดปกติเพิ่มสูงขึ้นได้

ดังนั้นเมื่อถึงวัยอันควรเข้ารับตรวจร่างกาย เพื่อตรวจหาเซลล์มะเร็งเต้านม  และที่อื่นๆ ในร่างกาย ควรไปตรวจอย่างสม่ำเสมอ เพราะเมื่ออายุมากขึ้นก็มีโอกาสเสี่ยงในการเป็นมะเร็งมากกว่าคนอายุน้อย เพราะหากพบเชื้อร้ายในระยะแรกๆ จะได้ทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที รู้เร็ว ก็รักษาหายเร็ว รู้ช้า โอกาสในการรักษาให้หายนั้นมีน้อยมากๆ แต่ถ้าเป็นในระยะสุดท้ายแล้วก็ยากที่จะทำการรักษาให้หายได้ ได้แต่ประวิงเวลาไปวันๆ เท่านั้น เพราะฉะนั้นอย่าลืมไปตรวจสุขภาพอย่างเป็นประจำ และสม่ำเสมอกันด้วยนะคะ

เสวนา “ไม่เปลี่ยน ไม่รอด เปลี่ยนธุรกิจในยุคดิจิทัล ต้อง Digital Transformation”

วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม 2561 เวลา 13.00 – 14.00 น.
ณ เวทีกลาง โซนเอเทรียม งานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 23 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

สำนักพิมพ์วิชขอเชิญร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวหนังสือ Digital Transformation in Action เปลี่ยนธุรกิจในยุคดิจิทัล Step by Step หนังสือที่จะทำให้ผู้ประกอบการพึงตระหนักถึงความสำคัญของการปรับเปลี่ยนตามยุคสมัย เพื่อเป็นองค์กรที่เข้าถึงและตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง อันเป็นการสร้างความได้เปรียบในการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับเทคโนโลยี เขียนโดย นายธนพงศ์พรรณ ธัญญรัตตกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทู ทรีเปอร์สเปกทีฟ จำกัด และผู้ก่อตั้ง U23 Academy

พร้อมด้วยกิจกรรมเสวนาในหัวข้อ “ไม่เปลี่ยน ไม่รอด เปลี่ยนธุรกิจในยุคดิจิทัล ต้อง Digital Transformation” ร่วมด้วย ผศ.ดร.การดี เลียวไพโรจน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษาธุรกิจ นายวรุตม์ กฐินทอง นักบริหาร นักธุรกิจ รุ่นใหม่ ดำเนินรายการโดย นายวิชัย วรธานีวงศ์นักสื่อสารมวลชน

สอนขายของออนไลน์ให้นำไปใช้ทำกำไรได้จริง

ทุกวันนี้เราจะเห็นร้านขายของหรือสินค้าต่างๆ เปิดขึ้นตาม Social Network เยอะมาก หรือที่เรียกง่ายๆ กันว่าร้านขายของออนไลน์ ทั้งร้านเล็กๆ รับมาขายไปและร้านใหญ่ๆ ที่ทั้งผลิตสินค้าขายเองและยังรับตัวแทนจำหน่าย แต่ไม่ว่าจะเป็นร้านเล็กหรือร้านใหญ่หรือเป็นตัวแทนขาย ช่องทางการตลาดออนไลน์ถือได้ว่าเป็นช่องทางที่เปิดกว้าง มีโอกาสในการทำกำไรได้มาก และกำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคงมีหลายคนที่สนใจและได้แต่มองคนอื่นๆ เขาทำธุรกิจกัน จนเกิดความสงสัยว่าทำอย่างไร ถึงจะประสบความสำเร็จเหมือนคนอื่นเขบ้าง กว่าเขาจะมาถึงวันนี้ได้เขาทำอะไรแบบไหนมาบ้าง หลายคนที่มีความสนใจในการขายของออนไลน์แต่ยังไม่รู้จะเริ่มอย่างไร เพราะสำหรับคนที่ไม่เคยหรือพึ่งจะรู้จัก ก็ถือได้ว่าการขายของออนไลน์เป็นเรื่องที่ใหม่ทีเดียว

การขายของออนไลน์สำหรับทุกวันนี้ทำได้ง่ายกว่าสมัยแรกๆ เยอะ เพราะมีช่องทางและเครื่องมือทางการตลาดเป็นตัวช่วยที่สามารถช่วยได้มากและทำให้ขั้นตอนต่างๆ มันง่ายขึ้น สามารถกำหนดผลลัพธ์ให้ออกมาอย่างที่ต้องการ ซึ่งคนที่พึ่งเริ่มสนใจการขายของออนไลน์ อาจจะคิดว่าเป็นเรื่องยาก เป็นเรื่องใหม่ สนใจแต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อน เห็นคนอื่นทำแล้วขายดีก็นึกอยากทำเหมือนเขาบ้าง ซึ่งจริงๆ แล้วการขายของออนไลน์ จะว่าง่ายก็ง่ายจะว่ายากก็ยากอยู่เหมือนกัน และไม่ใช่ว่าแค่เปิดร้านแล้วก็จะขายได้เลย แต่ต้องเรียนรู้เทคนิคและวิธีการในการทำตลาดออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพ ต้องมีการวาแผนงานที่ดี ซึ่งมือใหม่หลายคนคงคิดหนัก แต่นั่นก็ไม่แปลกเพราะขนาดว่าเป็นมืออาชีพแล้วยังต้องคิดหนักไม่แพ้กัน กับการวางแผนการตลาดสำหรับสินค้าแต่ละตัว เพราะถึงแม้ว่าตลาดออนไลน์จะเป็นตลาดที่เปิดกว้างและเป็นตลาดใหญ่ แต่คู่แข่งก็มีมากไม่แพ้กัน เพราะไม่ใช่ว่ามีเราคนเดียวที่สนใจงานด้านนี้ หลายคนจึงมองหาช่องทางและวิธีการที่จะช่วยให้การเปิดร้านขายของออนไลน์ประสบความสำเร็จมากขึ้น โดยหนึ่งในนั้นก็คือ เรียนการขายของออนไลน์ ซึ่งมืออาชีพหรือสถานบันต่างๆ ที่อบรมสอนขายของออนไลน์ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจมากทีเดียว สำหรับเป็นตัวช่วยให้กับคนที่ต้องการเรียนรู้ใน

รายละเอียด ไปจนถึงขั้นตอนและเทคนิคใหม่ๆ ของการขายของผ่านระบบออนไลน์อย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น

ธุรกิจขายของออนไลน์ในเมืองไทย กำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเรียนรู้กลยุทธ์และเทคนิควิธีการขายของให้มีประสิทธิภาพที่สุด เป็นอีกหนึ่งช่องทาง เพื่อช่วยให้การหากำไรผ่านสื่ออินเตอร์เน็ตเป็นไปอย่างยิ่งยืน เพราะถึงแม้ว่าเราจะเปิดร้านได้แล้ว มีลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าแล้ว แต่หากเราไม่มีการปรับปรุงพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ไม่มีการปรับแต่งให้มีความน่าสนใจอยู่เสมอ ไม่มีกลยุทธ์ในการดึงลูกค้าเก่าเอาไว้และเรียกลูกค้าใหม่เข้ามา ลูกค้าอาจจะค่อยๆ หายไปจนไม่มีลูกค้าเหลืออยู่เลยก็เป็นได้ การขายของออนไลน์จะต้องมีการนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ที่น่าสนใจให้กับลูกค้าอยู่เสมอ เพื่อความเป็นผู้นำหรือเป็นเจ้าของตลาดของสินค้าที่เราขาย ซึ่งการสอนขายของออนไลน์ จะช่วยให้เราได้รู้เรียนรู้เทคนิคและวิธีการคิด ในมุมมองของการขายของบนอินเตอร์เน็ตได้หลากหลายขึ้น ลงลึกถึงขั้นตอนของการทำงาน และสร้างความสนใจ เพื่อให้เกิดแรงดึงดูดใจ โดยใช้สื่ออินเตอร์เน็ตเป็นเครื่องมือหลัก

ในการขายของออนไลน์นั้น จะต้องกำหนดเป้าหมายและทางเลือกให้ชัดเจน ตั้งแต่จะเริ่มต้นอย่างไร เป้าหมายที่กำหนดควรจะมีความเฉพาะเจอะจงไม่กว้างจนเกินไป จะขายอะไรและรับสินค้ามาจากไหน เมื่อได้สินค้าที่จะขายแล้วเราจะรู้ว่ากลุ่มลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายคือใคร ซึ่งกลุ่มเป้าหมายคือส่วนที่เราต้องการข้อมูลมากที่สุดด้วย ว่าเป็นกลุ่มไหน ทำอะไร เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง มีความสนใจอยู่ในระดับไหน อายุ อาชีพ รายได้ ล้วนแต่มีผลและมีความสำคัญ เพื่อนำมาใช้ในการวิเคราะห์สำหรับการวางแผนการตลาด ส่วนงบประมาณที่มีก็ถือว่าสำคัญมาก เพราะต้องลงทุน แม้ว่าการขายของออนไลน์ จะไม่ต้องใช้ต้นทุนที่สูงมากเหมือนการเปิดร้านที่มีที่ตั้งร้านทั่วไป แต่ก็จำเป็นต้องมีงบไว้ใช้จ่ายเหมือนกัน อย่างเช่น การจ่ายค่าสินค้าหรือค่าโฆษณา หรือหากไม่มีงบมากยังสามารถเลือกขายสินค้า ที่ไม่ต้องเก็บสต็อกสินค้าก็ได้

การโปรโมทร้านก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง ที่มีความจำเป็นมากทีเดียวเมื่อเปิดร้านขายของออนไลน์ ที่เราต้องมีและต้องรู้ว่าจะใช้วิธีไหน เพื่อให้ลูกค้ารู้จักร้านและสินค้าของเรามากขึ้น การชำระเงินเมื่อมีการขาย การรับประกัน การขนส่งสินค้าและการบริหารหลังการขาย สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่มีความจำเป็นอย่างมาก เพราะมันช่วยให้

ร้านออนไลน์ของเรามีความน่าเชื่อถือสำหรับลูกค้ามากยิ่งขึ้น ทำให้ลูกค้าเกิดความไว้วางใจ แต่คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่อยู่ๆ จะมาจัดการเรื่องเหล่านี้ได้เองทุกอย่างโดยไม่มีปัญหา แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่น่าหนักใจ เพราะมีแหล่งความรู้ให้ได้ศึกษา เพื่อนำไปพัฒนาร้านขายของออนไลน์ อย่างการเรียนการสอนขายของออนไลน์ ซึ่งจะช่วยให้เรารู้เทคนิคและการจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้อย่างราบรื่น เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยที่ธุรกิจสาขาต่างๆ เข้ามาอยู่ในโลกออนไลน์มากขึ้น การตลาดเปิดกว้างมากขึ้น ร้านขายของออนไลน์ก็มีมากขึ้น ซึ่งการแข่งขันก็ย่อมมีมากขึ้นและดุเดือดตามจำนวนของผู้ค้าที่เพิ่มขึ้น สอนขายของออนไลน์จะช่วยให้เราได้เปรียบคู่แข่งในเรื่องกลยุทธ์ และเทคนิควิธีคิดที่สามารถเข้าถึงหัวใจหลักของการตลาดออนไลน์ เพื่อให้สามารถจัดการร้านออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คอร์สฝึกอบรม สัมมนา Online Marketing